วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555

เทคโนโลยี 3G คืออะไร


3G หรือ Third Generation  เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3 นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และ เทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman, กล้องถ่ายรูป และ อินเทอร์เน็ต


      3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก การพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูงขึ้น
      ลักษณะการทำงานของ 3G เมื่อเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ และ สมบูรณ์แบบขึ้น
      เช่น บริการส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ต่างประเทศ ,รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่ ,ประชุมทางไกลผ่านหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร, ดาวน์โหลดเพลง, ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ เทคโนโลยี
      3G น่าสนใจอย่างไร
      จากการที่ 3G สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ อย่างรวดเร็ว และ มีรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น ประกอบกับอุปกรณ์สื่อสารไร้สายในระบบ 3G สามารถให้บริการระบบเสียง และ แอพพลิเคชั่นรูปแบบใหม่
      เช่น จอแสดงภาพสี, เครื่องเล่น mp3, เครื่องเล่นวีดีโอ การดาวน์โหลดเกม, แสดงกราฟฟิก และ การแสดงแผนที่ตั้งต่างๆ ทำให้การสื่อสารเป็นแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่สร้างความสนุกสนาน และ สมจริงมากขึ้น
      3G ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและคล่องตัวขึ้น โดย โทรศัพท์เคลื่อนที่เปรียบเสมือน คอมพิวเตอร์แบบพกพา, วิทยุส่วนตัว และแม้แต่กล้องถ่ายรูป ผู้ใช้สามารถเช็คข้อมูลใน account ส่วนตัว เพื่อใช้บริการต่างๆ ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น self-care (ตรวจสอบค่าใช้บริการ), แก้ไขข้อมูลส่วนตัว และ ใช้บริการข้อมูลต่างๆ เช่น ข่าวเกาะติดสถานการณ์, ข่าวบันเทิง, ข้อมูลด้านการเงิน, ข้อมูลการท่องเที่ยว และ ตารางนัดหมายส่วนตัว “Always On”
      คุณสมบัติหลักของ 3G คือ 
      มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดเครื่องโทรศัพท์ (always on) นั่นคือไม่จำเป็นต้องต่อโทรศัพท์เข้าเครือข่าย และ log-in ทุกครั้งเพื่อใช้บริการรับส่งข้อมูล
     ซึ่งการเสียค่าบริการแบบนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้ข้อมูลผ่านเครือข่ายเท่านั้น โดยจะต่างจากระบบทั่วไป ที่จะเสียค่าบริการตั้งแต่เราล็อกอินเข้าในระบบเครือข่าย อุปกรณ์สื่อสารไร้สายระบบ 3G สำหรับ 3G อุปกรณ์สื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังปรากฏในรูปแบบของอุปกรณ์ สื่อสารอื่น เช่น Palmtop, Personal Digital Assistant (PDA), Laptop และ PC
ที่มา : http://www.azooga.com/content_detail.php?cno=425

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

TABLET กับ เด็ก ป.1




ยิ่งลักษณ์ ชี้แจกแท็บเล็ตเด็ก ป.1 เหมาะสม ย้ำวัยเรียนรู้เทคโนโลยี-หนุนแจกทุกชั้น จี้วิเคราะห์ นร.ออกกลางคัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงว่า ได้มีการพูดถึงอนาคตการศึกษาของเด็กไทย ซึ่งอยากเห็นหลักสูตรการเรียนการสอนที่ตรงกับทิศทางที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งมองกันว่า การที่นักเรียน นักศึกษาจบมาต้องสัมพันธ์กับการจ้างงานด้วย โดยให้มีการศึกษาและวิเคราะห์ในรายละเอียดเพิ่มเติม ว่าเราจะร่วมกันบูรณาการการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการอย่างไร เพื่อปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นและตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้รายงานสถิติภาวะการจัดการศึกษาว่าประชากรวัยเรียนทั้งประเทศมี 16 ล้านคน แต่เข้ารับการศึกษาเพียง 14 ล้านคน โดยอยู่ในความรับผิดชอบของ ศธ. 13 ล้านคน และสังกัดอื่นๆอีก 1 ล้าน ส่วนอีก 2 ล้านคนหายไปจากระบบ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการออกกลางคันเหลือเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษาเพียง 55% ซึ่งนายกฯและที่ประชุมให้ความสนใจกับสถิติภาวะดังกล่าวและมอบหมายให้ ศธ.จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์ภาพรวมกำลังคนของภาคอุตสาหกรรมและวิเคราะห์เด็กที่หายออกจากระบบทั้งหมดว่าไปไหน หากไม่ได้เรียนจะสามารถจัดการศึกษาให้กับเด็กกลุ่มนี้ได้หรือไม่อย่างไร โดยให้เวลา 1 เดือนและให้เสนอในการประชุมครั้งต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่า ศธ.ควรปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนการสอนและเนื้อหาหลักสูตรให้มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นที่น่าดีใจว่า นายกฯให้ความสนใจงานการศึกษามาก โดยแจ้งว่าหากมีอะไรให้ช่วยก็ขอให้บอกยินดีจะช่วยเหลือ ด้าน ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า นายกฯได้เน้นเรื่องการจัดสรรแท็บเล็ตให้กับนักเรียนชั้น ป.1 ว่า มีความเหมาะสมเพราะเป็นวัยแรกเริ่มเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี เป็นการวางพื้นฐานกระตุ้นการคิดอย่างสร้างสรรค์ แต่แท็บเล็ตนั้นคงไม่สามารถนำมาทดแทนหนังสือเรียนได้ในทันทีควรใช้เป็นตัวเสริมไปก่อน ส่วนเนื้อหาที่จะบรรจุลงแท็บเล็ตควรพัฒนาให้ดีและการใช้ควรเป็นแบบ Interactive หรือสามารถปฏิสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเครือข่ายต่างๆ นายกฯยังเน้นย้ำว่าต่อไปจะมีการขยายแท็บเล็ตไปทุกระดับชั้น ส่วนการจัดหาควรเปิดในหลายๆช่องทางและควรให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร (ไอซีที) เข้ามาช่วยให้ข้อเสนอแนะ.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


ผมก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลคุณปูนั้นคิดอะไรอยู่
ไม่รู้ว่านโยบายนี้ทำไปเพื่ออะไร
อาจจะมีเจตนาดีก็เป็นได้
แต่...แท็บเล็ตกับเด็ก ป.1! มันสมควรแล้วหรือ?
มันไวไปไหมสำหรับเด็ก จริงอยู่อาจเพื่อการศึกษา และ ต้องการให้เด็กทันสมัยทันเทคโนโลยี แต่คุณจะนำงบประมาณที่มีอยู่น้อยนิดมาทำแบบนี้หรือ? เอาไปแก้ปัญหาบ้านเมืองดีกว่าไหม เช่น ปัญหาสุดคลาสสิกที่มีทุกยุคทุกสมัยอย่าง "ยาเสพติด" ไงครับ ความคิดเห็นส่วนตัวของผมต่อนโยบายนี้คือ ไม่สมควรเลยครับถ้าอยากจะแจกจริงๆ ผมว่าน่าจะนำไปแจกให้เด็ก ม.ปลาย หรือ มหาวิทยาลัย ดีกว่าครับ , แต่ที่ผมเห็นควรมากที่สุดกับการนำงบประมาณไปใช้เกี่ยวกับการศึกษา คือ นำสิ่งของไปมอบให้กับเด็กๆที่ขาดแคลน และทำให้เด็กๆเหล่านี้มีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมจะดีกว่านะครับ... :)
edit @ 18 Jan 2012 17:56:04 by KENTS